วันนี้เราจะพาเพื่อนๆไปยัง สถานที่ท่องเที่ยว จ.น่าน เมืองแห่งวัฒนธรรม ที่กำลังได้รับความนิยมถึงจะเป็นเมืองเล็กๆแต่เต็มไปด้วยเสน่ห์ สงบ เต็มไปด้วยเรื่องราวทางวัฒนธรรม น่าไปอีกแห่งในเมืองไทย โดยเราจะพาเพื่อนๆไปสักการะพระธาตุแช่แห้งกัน เรามาทราบประวัติความเป็นมากัน
ก่อนนะคะ

คำไหว้องค์พระธาตุแช่แห้ง

นะโมตัสสะฯ ๓ จบ

ยา ธาตุภูตา อะตุลานุภาวาจิรัง ปะติฏฐิตา นันทะกัปปะเก ปุเร เทเวนะ คุตตา วะระพุทธะธาตุงจิรัง วันทามิ หันตัง ชินะธาตุโยโส

ตะถาคะตัง อะหังวันทามิ สัพพะทา อะหังวันทามิ ทูระโต

(สวด ๓ จบ)

     พระธาตุแช่แห้ง พระธาตุเก่าแก่คู่เมืองน่าน ตั้งอยู่บนเนินเขา หากเพื่อนๆมีโอกาสไปสถานที่ท่องเที่ยว จ.น่าน อย่าลืมไปสักการะเพื่อขอพรและเพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิตเรา พระธาตุแช่แห้งแห่งนี้มีความศักดิ์สิทธิ์มาแต่โบราณ ไม่ปรากฏหลักฐานชัดเจนว่าสร้างในสมัยใด ในตำนานกล่าวว่าเมื่อครั้งพุทธกาลภูเพียงแช่แห้งแห่งนี้ ได้ประดิษฐานพระเกศาธาตุองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เมื่อพระองค์เสด็จดับขันธ์ปรินิพพาน พระอรหันต์ทั้งหลายได้อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุข้อพระหัตถ์ด้านซ้าย และเศษของพระสรีรังคารธาตุมาประดิษฐานไว้อีกครั้งหนึ่ง เพื่อให้มนุษย์และเทวดาได้สักการะตราบ๕,๐๐๐ พระวัสสา เท่าที่สืบหาหลักฐานได้ พระมหาธาตุแห่งนี้ สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นประมาณ พ.ศ.๑๘๙๖ ตรงกับสมัยของพระยาการเมือง แห่งราชวงศ์ภุคา ครองเมืองน่าน(พ.ศ.๑๘๙๖-๑๙๐๖) พระองค์ได้เสด็จลงไปสร้างวัดหลวงอภัย ที่อาณาจักร์สุโขทัย เมื่อภารกิจทั้งมวลแล้วเสร็จ พระมหาธรรมราชาลิไทได้ถวายพระมหาชินธาตุเจ้า ๗ พระองค์ มีพระวรรณะเท่าเมล็ดพันธุ์ผักกาด สุกใสดังแก้ว๒พระองค์ มีพระวรรณะดั่งมุก ๓ พระองค์ มีพระวรรณะดั่งทองเท่าเมล็ดงา๒พระองค์ พร้อมด้วยพระพิมพ์เงินพิมพ์ทองอันงามประณีตอย่าง ๒๐องค์ ให้แก่พระยาเมือง

   เมื่อพระองค์เสด็จกลับเมืองน่านได้ทรงปรึกษากับพระมหาเถระธรรมบาล และเห็นสมควรประดิษฐานสิ่งศักดิ์สิทธิ์ไว้ที่เนินภูเพียงแช่แห้งระหว่างแม่น้ำเตี๋ยน(แม่น้ำเกี๋ยนปัจจุบัน) และแม่น้ำลิงค์(น้ำลิ่งแม่น้ำน่านปัจจุบัน) พระยาการเมืองโปรดให้ช่างหล่อเต้าปูนสำริดขนาดใหญ่แล้วทรงนำพระบรมสารีริกธาตุพร้อมด้วยพระพิมพ์เงินพิมพ์ทองลงบรรจุไว้ปิดฝาสนิทพอกหุ้มด้วยสะดายจีน(ปูนผสมแบบโบราณ) เป็นก้อนกลมเกลี้ยงเหมือนศิลา เสร็จแล้วพระองค์โปรดให้ขุดหลุมลึก ๑ วา แล้วอาราธนาพระบรมสารีริกธาตุและพระพิมพ์เงินพิมพ์ทองลงประดิษฐานไว้และก่ออิฐทับครอบเป็นเจดีย์สูง ๑ วา ตลอดรัชกาลของพระองค์ ทรงให้ความสำคัญแก่วัดนี้มากถึงกับย้ายเมืองจากวรนครเมืองพลัวมาสร้างเมืองใหม่ โดยมีวัดพระธาตุแช่แห้งเป็นวัดหลวงประจำราชสำนัก หลักฐานการย้ายเมืองครั้งนั้นก็คือแนวกำแพงเมืองและคูเมืองโบราณที่สร้างไว้ถึง ๒ ชั้น เมื่อพ.ศ.๑๙๐๒ อายุกว่า ๖๐๐ปี ยังปรากฏให้เห็นในปัจจุบัน เมื่อสิ้นราชวงศ์ภูคาแล้ว เมืองถูกปกครองโดยเชียงใหม่(พ.ศ.๑๙๙๓-พ.ศ.๒๑๐๑) หรือโดยพม่าพ.ศ.๒๑๐๑-พ.ศ.๒๓๓๑) และที่สุดจะขึ้นตรงต่อกรุงรัตนโกสินทร์ จนกลายเป็นส่วนหนึ่งของในประเทศไทยในปัจจุบัน

    เป็นที่น่ายินดีว่าวัดพระธาตุแช่แห้งแห่งนี้ เจ้าผู้ปกครองนครน่านทุกพระองค์ที่ผ่านมาได้เอาพระทัยใส่ดูแลปฏิสังขรณ์ บูรณะซ่อมแซมสืบต่อมาจนได้รูปแบบทางสถาปัตยกรรมที่ลงตัวและมีเอกลักษณ์ของท้องถิ่น ดังปรากฏให้เห็นจนถึงทุกวันนี้

     พระมหาธาตุแช่แห้ง เป็นโบราณสถานที่สำคัญแห่งหนึ่งของชาติ มีความสำตัญทั้งในด้านแบบแผนทางศิลปกรรม เป็นหลักฐานทางโบราณคดีและพัฒนาการทางประวัติศาสตร์ของจังหวัดน่าน มีความยาวของฐานล่าง ซึ่งเป็นฐานเขียงรูปแท่งสี่เหลี่ยม ด้านละ๑๙.๒๕ เมตร และความสูงจากฐานล่างระดับพื้นดินจนถึงปลายสุดของดอกไม้ทิพย์ มีความสูง๔๓.๔๙เมตร นับเป็นพระธาตุเจดีย์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในล้านนา เป็นปูชนียสถานที่ศักดิ์สิทธิ์เป็นที่เคารพนับถือของชาวจังหวัดน่านและพุทธศาสนิกชนทั่วไป จะมีงานประเพณีนมัสการพระมหาธาตุทุกปีในวันเพ็ญเดือน๖ เหนือ (ขึ้น๑๕ค่ำ เดือน๔) ได้รับการขึ้นทะเบียนจากกรมศิลปากรในราชกิจจานุเบกษาเล่มที่๖๑ ตอนที่๖๕ ลงวันที่๑๔ ตุลาคม พ.ศ.๒๔๘๗ ประกาศขอบเขตในราชกิจจานุเบกษาเล่มที่๙๗ ตอนที่๑๕๙ ลงวันที่๑๔ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๒๓

      เราได้ทราบเรื่องราวประวัติของพระมหาธาตุแช่แห้งและภายสวยๆกันแล้ว คราวหน้าเราจะพาไปชมสถาปัตยกรรมของศาลกลักเมืองจังหวัดน่าน ซึ่งมีความสวยงามและมีความเก่าแก่เช่นกัน ในครั้งนี้เราได้เลือกที่พัก ชื่อบ้านชมดาว  ถือว่าอยู่สบายทีเดียวคะ เราไปช่วงอากาศกำลังหนาว หมอกลงกำลังสวย ราคาระหว่าง๓๕๐ – ๕๐๐ บาท มีอินเตอร์เน็ตฟรีด้วยคะ อยู่ใกล้สนามบินจังหวัดน่าน ถ้ายังไม่รู้จะพักที่ไหน ลองไปที่นี่ดูได้คะ