พระราชสุทธิญาณมงคล-หลวงพ่อจรัญ

พระคาถาสำคัญในองค์มหาราชนักรบ

               พระคาถาสำคัญในองค์มหาราชนักรบ พระธรรมสิงหบุราจารย์หรือที่รู้จักในนาม “หลวงพ่อจรัญ วัดอัมพวัน จ.สิงห์บุรี” พระสงฆ์ที่มีประชาชนเลื่อมใสเป็นจำนวนมากในเรื่องการวิปัสสนา

กรรมฐาน คำสอนที่ท่านมักจะสอนลูกศิษย์อยู่เสมอคือ “สวดมนต์เป็นยาทา  วิปัสสนาเป็นยากิน” ท่านได้เล่าว่าท่านได้มีโอกาสพบกับสมเด็จพระพนรัต วัดป่าแก้ว ซึ่งตอนหนึ่งในหนังสือกล่าวว่า

พระราชสุทธิญาณมงคล-หลวงพ่อจรัญ

“หลวงพ่อจรัญ วัดอัมพวัน จ.สิงห์บุรี” 

“คืนวันหนึ่งอาตมานอนหลับแล้วหลับฝันไปว่า อาตมาได้เดินไปในสถานที่แห่งหนึ่งพบกับพระสงฆ์รูปหนึ่งครองจีจรคร่ำ สมณสารูปเรียบร้อยน่าเลื่อมใส อาตมาเห็นว่าเป็นอาวุโส ผู้รัตัญญูจึงน้อมนมัสการท่าน ท่านหยุดยืนตรงหน้าอาตมาแล้วกล่าวกับอาตมาว่า  “ฉันคือสมเด็จพระพนรัตน วัดป่าแก้ว แห่งกรุงศรีอยุธยา ฉันต้องการให้เธอได้ไปที่วัดใหญ่ชัยมงคล เพื่อดูจารึกที่ฉันได้จารึกถวายพระเกียรติแก่สมเด็จพระนเรศวรมหาราชเป็นเจ้า เนื่องในวาระที่สร้างพระเจดีย์ฉลองชัยชนะเหนือพระมหาอุปราชาแห่งพม่าและ ประกาศความเป็นอิสระของประเทศไทยจากหงสาวดีเป็นครั้งแรก เธอไปดูไว้แล้วจดจำมาเผยแพร่ออกไป ถึงเวลาที่เธอจะได้รับรู้แล้ว”

ในฝันอาตมารับปากท่าน ท่านบอกตำแหน่งให้แล้วก็ตกใจตื่นขึ้นมาตอนใกล้รุ่ง อาตมาก็ทบทวนความฝันก็นึกอยู่ในใจว่าเราเองนั้นกำหนดจิตด้วยกรรมฐานมีสติ อยู่เสมอ เรื่องฟุ้งซ่านเป็นไม่มี อาตมาก็ได้ข่าวในวันนั้นแหละว่า ทางกรมศิลปากรทำการบูรณะปฏิสังขรณ์พระเจดีย์ใหญ่ในวัดใหญ่ชัยมงคลและจะทำการ บรรจุบัวยอดพระเจดีย์ อันเป็นนิมิตหมายการสิ้นสุดการบูรณะ แล้วจะรื้อนั่งร้านทั้งหมดออกเป็นการเสร็จสิ้น

อาตมาจึงได้ขอร้อง ดร.กิ่งแก้ว  อัตถากร ให้เลื่อนการปิดยอดบัวไปอีกวันหนึ่งเพื่อที่อาตมาจะได้นำพระซุ้มเสมาชัย ซุ้มเสมาขอ ที่อาตมาได้สร้างขึ้นตามแบบดั้งเดิมที่พบในเจดีย์ใหญ่ใกล้กับวัดอัมพวันซึ่ง พังลงน้ำ ที่ก๋งเหล็งเป็นคนรวมรวบเอามาให้อาตมาตั้งแต่เมื่อเริ่มมาพัฒนาวัดใหม่ๆ แต่แตกหักผุพังทั้งนั้นหลายสิบปี๊บ อาตมาได้ป่นเอามาผสม สร้างเป็นองค์พระใหม่ไปร่วมบรรจุไว้ที่ยอดพระเจดีย์บ้าง วันนั้นอาตมาได้เดินไปถึงก็ได้เดินขึ้นไปบนเจดีย์ตอนที่สุดบันไดแล้ว มองโพรงที่ทางเขาทำไว้สำหรับลงไปด้านล่าง มีร้านไม้พอไต่ลงไปภายในตั้งใจเด็ดเดี่ยวว่าลงไปคราวนี้ ถ้าพลาดตกลงไปจากนั่งร้านม้าก็ยอมตาย คนที่ร่วมเดินทางมาด้วยเขามัวแต่ไปบนลานชั้นบน อาตมาก็ดิ่งลงไปชั้นล่างมีไฟฉายดวงหนึ่งเวลานั้นประมาณ ๐๙.๐๐น. อาตมาลงไปภายในแล้วพบนิมิตดังที่สมเด็จพระพนรัตได้บอกไว้จริงๆ

อาตมาจึงได้พบว่าแท้ที่จริงแล้วสิ่งที่สมเด็จพระพนรัต วัดป่าแก้ว ท่านได้จารึกถวายพระพรก็คือ บทสวดที่เรียกว่า “พาหุง มหาการิณิโก”   ท้ายของนิมิตนั้นระบุว่า “เราสมเด็จพระพนรัต วัดป่าแก้ว ศรีอโยธเยศ คือผู้จารึกนิมิตรจนาเอาไว้ถวายพระพรแด่มหาบพิตรเจ้าสมเด็จพระนเรศววรมหาราช พาหุงมหากาก็คือบทสวดสรรเสริญพระพุทธคุณ พระสังฆคุณ พระสังฆคุณ แล้วก็พรพาหุงอันเริ่มด้วยพาหุงสหัสไปจนถึงทุคคาหทิฏฐิ แล้วเรื่อยไปจนถึงมหากรุณิโก นาโถ หิตายะ และจบลงด้วย ภะวันตุ เต อาตมาเรียกรวมกันว่า  “พาหุงมหากา

อาตมาจึงเข้าใจในบัดนั้นเองว่าบทพาหุงนี้คือบทสวดที่สม เด็จพระพนรัต วัดป่าแก้ว ได้ถวายให้พระบาทสมเด็จพระนเรศวรมหาราชไว้สวดเป็นประจำเวลาอยู่กับพระมหาราช วังและในระหว่างศึกสงคราม จึงปรากฏว่าพระบาทสมเด็จพระนเรศวรมหาราชเจ้าทรงรบ ณ ที่ใด ทรงมีชัยชนะอยู่ตลอดมามิได้ทรงเพลี่ยงพล้ำเลย  แม้จะเพียงลำพังสองพระองค์กับพระอนุชาธิราชเจ้าท่ามกลางกองทัพพม่าจำนวนนับ แสนคน ก็ทรงมีชัยชนะเหนือพระมหาอุปราชา ณ ดอนเจดีย์ปูชนียสถาน แม้ข้าศึกจะยิงปืนไฟเข้าใส่พระองค์ในตอนที่เข้ากันพระศพของพระมหาอุปราชาออก ไปราวกับห่าฝนก็มิปาน  แต่ก็มิได้ต้องพระองค์ด้วยเดชะพาหุงมหากาที่ทรงเจริญอยู่เป็นประจำนั่นเอง

อาตมาพบนิมิตแล้ว ก็ไต่ขึ้นมาด้วยความสบายใจถึงปากปล่องที่ลงไปใช้เวลาเกือบสามชั่วโมงเนื้อ ตัวมีแต่หยากไย่ เดินลงมาแม่ชีเห็นเข้ายังร้องว่า “หลวงพ่อเข้าไปในโพรงนั้นมาหรือ” แต่อาตมาไม่ตอบ ตั้งแต่นั้นมา อาตมาจึงสอนการสวดพาหุงมหากาให้แก่ญาติโยมเป็นต้นมา เพราะอะไร เพราะพาหุงมหากานั้นเป็นบทสวดมนต์ที่มีค่าที่สุด มีผลดีที่สุด เพราะเป็นชัยชนะอย่างสูงสุดของพระบรมศาสดา จากพญาวัสวดีมาร จากอาฬาวกะยักษ์จากช้างนาฬาคิรี จากองคุลีมาล จากนางจิญมานวิกาจากสัจจะกะนิครนธ์ จากพญานันโทปนันทนาคราชและท่านท้าวผกาพรหม เป็นชัยชนะที่พระพุทธองค์ทรงได้มาด้วยอิทธิปาฏิหาริย์และด้วยอำนาจแห่งบารมี ธรรมโดยแท้ ผู้ใดได้สวดไว้เป็นประจำทุกวันจะมีชัยชนะมีความเจริญรุ่งเรืองตลอดกาลนาน มีสติระลึกได้จะตายสู่สุคติภูมิ

ขอให้ญาติโยมสวดพาหุงมหากากันให้ทั่วหน้า นอกจากจะคุ้มตัวแล้ว ยังคุ้มครองครอบครัวได้ สวดมากๆเข้าสวดกันทั้งประเทศก็ทำให้ประเทศ มีแต่ความรุ่งเรืองพวกคนพาลสันดานหยาบก็แพ้ภัยไปอย่างถ้วนหน้า ไม่ใช่แต่พระบาทสมเด็จพระนเรศวรมหาราชเท่านั้นที่พบความมหัศจรรย์ของบท พาหุงมหากาแม้พระบามสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชก็ทรงพบเช่นกันโดยมีบันทึก โบราณบอกไว้ว่าดังนี้

“เมื่อพระเจ้าตากสินมหาราชตีเมืองจันทบุรีได้แล้ว ก็ทรงเห็นว่าสงครามกู้ชาติต่อจากนี้ไปจะต้องหนักหนาและยืดยาวจึงทรงโปรด เกล้าฯ ให้สร้างพระยอดธงแบบศรีอยุธยาขึ้นแล้วนิมนต์พระเถระ ทั้งหลายมาสวดบทพาหุงมหากาบรรจุไว้ในองค์พระ และพระองค์ก็ทรงเจริญรอยตามพระบามสมเด็จพระนเรศวรมหาราชด้วยการเจริญพาหุงม หากาจึงบันดาลให้ทรงกู้ชาติสำเร็จ”

สวดพาหุงมหากากันให้ได้ทุกบ้าน สวดให้ได้มากๆจะได้มีแต่ความเจริญรุ่งเรือง สวดพาหุงมหากาก่อนแล้วจึงสวดชินบัญชร เพราะชินบัญชรนั้นเจ้าประคุณสมเด็จท่านใช้สวดบูชาพระอรหันต์ของท่าน ต้องสวดพาหุงมหากาก่อนแล้วจึงมาถึงชินบัญชรให้จดจำกันเอาไว้นั่นแหละมงคลชีวิต

เผยแพร่โดยพระราชสุทธิญาณมงคล เจ้าอาวาสวัดอัมพวัน และเจ้าคณะอำเภอพรหมบุรี จังหวัดสิงห์บุรี

Posted in สาระพันเรื่องเล่า.

Leave a Reply

Your email address will not be published.